พลาสติกเป็นวัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากความสะดวกในการใช้ ราคาไม่แพง น้ำหนักเบา และสามารถทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ เช่น ฟิล์ม หรือไฟเบอร์ ได้ พลาสติกเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของมนุษย์โดยเป็นวัสดุสำหรับการผลิตของเล่น ภาชนะใส่อาหาร เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น เลนส์ ส่วนประกอบในสายไฟ ท่อน้ำ อุปกรณ์ประกอบในรถยนต์ สารเคลือบภายในกระป๋องหรือกล่องบรรจุอาหาร เป็นต้นอย่างไรก็ตามปัจจุบันความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ ความปลอดภัยและการบังคับควบคุมการใช้พลาสติก ยังไม่ทันสมัยเพียงพอ
สารเคมีที่เป็นส่วนประกอบของพลาสติกสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำซึ่งบรรจุในภาชนะพลาสติก ดมกลิ่นสิ่งที่อยู่ในพลาสติก นั่งหรือสวมใส่สิ่งที่ผลิตจากพลาสติก คณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) จัดพลาสติกเป็นสารเติมแต่งอาหารทางอ้อม (Indirect Food Additives) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์ประกอบของพลาสติกสามารถเข้าสู่อาหารได้ ดร.จอร์จ พอลิ จาก FDA กล่าวว่า พลาสติกทุกชนิดให้ชีวพิษ (toxin) เข้าสู่อาหารที่สัมผัสกับพลาสติกนั้น
พลาสติกเป็นพอลิเมอร์ที่ได้จากการโพลิเมอไรเซชั่น ของโมโนเมอร์ภายใต้ความร้อนและความดันสูง ในการผลิตจะต้องมีสารเติมแต่งหลายชนิด ได้แก่ พลาสติกไซเซอร์ (plasticizer) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น สารกรองยูวี (UV filter) ป้องกันแสง สารต้านไฟฟ้าสถิต สารต้านการติดไฟ สี สารต้านการเกิดออกซิเดชั่น โลหะหนัก เช่น แคดเมี่ยม ปรอท และตะกั่ว เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสารเคมีที่ต้องเติมเพื่อช่วยในขั้นตอนการผลิต เช่นทำให้หลุดจากแม่พิมพ์ (mold release) ผลิตผลและผลพลอยได้จากขั้นตอนระหว่างการผลิตพลาสติกถูกนำไปใช้ในการผลิตพลาสติกอื่นๆ หรือการผลิตอุตสาหกรรมชนิดอื่น เช่น สารกำจัดแมลง หรือปุ๋ย ดังนั้นพลาสติกสามารถปนเปื้อนในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดายทั้งจากอาหาร น้ำ อากาศ ผิวหนัง และสิ่งที่สัมผัสกับพลาสติกโมโนเมอร์และสารเติมแต่งในพลาสติกล้วนแต่ทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย เนื่องจากกระบวนการโพลิเมอไรเซชั่นไม่สามารถทำให้เกิดได้สมบูรณ์ 100% ซึ่งพิษต่อร่างการเกิดได้แม้ในความเข้มข้นต่ำ
พัฒนาการของพลาสติกเริ่มจากการใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น หมากฝรั่ง เชลแล็ค ต่อมามีการปรับปรุงโครงสร้างทางเคมีของวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ยางธรรมชาติ ไนโตรเซลลูโลส คอลลาเจน จนกระทั่งเกิดการพัฒนาโมเลกุลสังเคราะห์ในที่สุด เช่น พวกสารอีพอกซี่ โพลีไวนิลคลอไรด์ โพลีเอธิลีน
ในช่วงคริสศตวรรษ 1990 ได้มีการนำพลาติกกลับมาเวียนทำใหม่ (plastic recycling program) พลาสติกกลุ่ม thermoplastic สามารถนำกลับมาหลอมและใช้ใหม่ได้ ส่วนกลุ่ม thermoset สามารถนำมาบดและใช้เป็น filler ปัจจุบันมีการแบ่งประเภทของผลิตภัณฑ์จากพลาสติกตามชนิดของพลาสติกเพื่อ ประโยชน์ในการเวียนทำใหม่ โดยให้สัญลักษณ์เป็นตัวเลข ดังนี้
ชนิดของพลาสติก
- Polyethylene Terephthalate หรือ PET (PETE) พลาสติก PET เป็นขวดใสใช้บรรจุน้ำดื่ม น้ำอัดลมขนาด 2 ลิตร ขวดน้ำมันพืช และกระปุกเนยถั่ว
- High Density Polyethylene (HDPE) เป็นขวดสีขาว ทึบแสง หรือสีทึบอื่น ๆ มักใช้บรรจุน้ำดื่ม นม ยาเม็ด ผงซักล้าง น้ำยาล้างห้องน้ำ แป้งฝุ่น
- Polyvinyl Chloride (PVC) พลาสติกพีวีซีมักใช้เป็นท่อประปา เฟอร์นิเจอร์ ขวดน้ำ แผ่นฟิล์มถนอมอาหาร ภาชนะบรรจุน้ำสลัดและน้ำยาซักล้าง
- Low Density Polyethylene (LDPE) มักใช้เป็นถุงซักแห้ง ภาชนะเก็บอาหาร สารเคลือบกระป๋อง
- Polypropylene (PP) มักใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหาร อาหารทารก ฝาขวด หลอดดูดน้ำ
- Polystyrene (PS)มักถูกนำมาใช้ผลิต ถ้วย ชาม ถาดอาหาร ภาชนะบรรจุอาหารกลับบ้าน
- Other หมายถึงพลาสติกชนิดอื่น ๆ นอกเหนือจากชนิดที่ 1-6 มักเป็นพวก Polycarbonate ซึ่งใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหาร ทัพเพอร์แวร์ แกลลอนน้ำดื่ม และขวดนัลจีน (nalgene) รวมทั้งใช้ในการเคลือบด้านในของกระป๋องบรรจุอาหาร (metal can linings)
ทั้งนี้ในการเลือกใช้ภาชนะพลาสติกสำหรับการบรรจุ หรือเก็บอาหาร ควรหลีกเลี่ยงพลาสติกที่มีสัญลักษณ์ #3-PVC #6-PS หรือ #7-Polycarbonate และสามารถใช้พลาสติกที่มีสัญลักษณ์เหล่านี้ ได้แก่ #1-PET #2-HDPE #4-LDPE และ #5-PP
บริษัท กรีน พาส แพ็ค จำกัด (Green Plas Pack Co.,Ltd.)
ที่ตั้งโรงงาน 90/11 ตำบลบางพูด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี 12000
โทรศัพท์ 090-987-9292 โทรสาร 02-560-2505